ประวัติความเป็นมา 

 

รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว.(พ.ศ.๒๔๕๓ - ๒๔๖๘)
กองทัพอากาศเมื่อครั้งการปกครองของไทย (ประเทศสยาม) อยู่ในระบบสมบูรณาญาสิทธิราช
มี จอมพลพระยาบดินทรเดชานุชิต เป็น เสนาบดีกระทรวงกลาโหม และ พันเอก พระยาเฉลิมอากาศ เป็นเจ้ากรมอากาศยาน ปี พ.ศ.๒๔๖๒
เมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม กองทัพบกได้มีคำสั่งทหารบกที่ ๑๗๘/๒๐๖๙๘
ให้จัดตั้ง “กองบินใหญ่ทหารบกที่ ๒” ขึ้นที่บริเวณโรงเก็บเครื่องบินหมายเลข ๔
โดยมี ร้อยเอก เหม  ยศธร เป็นผู้บังคับการ มีเครื่องบินทิ้งระเบิด
แบบ ท.๑ เบรเกต์ (BREGUET) ปีก ๒ ชั้น จำนวน ๕ เครื่อง และเครื่องบินขับไล่ ๒ ที่นั่ง แบบ ข.๒ นิเออร์ปอตเดอลาจ (NIEUPORT) จำนวน ๔ เครื่อง
มีนายทหารสัญญาบัตร ๕ นาย ประทวน ๕ นาย และพลทหาร ๒ นาย ประจำการเท่านั้น ปี พ.ศ.๒๔๖๕ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “กองบินใหญ่ที่ ๒”
และกระทรวงกลาโหมได้ออกคำสั่ง
ตั้งฝูงบินที่ ๑๐ ขึ้นอีก ๑ ฝูงบิน ให้ นายร้อยโท กาพย์ ทัตตานนท์ เป็นผู้รั้งตำแหน่งผู้บังคับฝูงบิน

 

พ.ศ.๒๔๖๗

กรมอากาศยานทหารบก ได้บรรจุฝูงบินเพิ่มขึ้นอีก ๑ ฝูง คือ ฝูง.๑๑ ซึ่งฝูงบินนี้มีหน้าที่เดินทางไกลและตรวจตำบลกระสุนตก

 

พ.ศ.๒๔๖๘

ย้ายที่ทำการจากโรงเก็บเครื่องบินหมายเลข ๔ ไปยังโรงเก็บที่สร้างขึ้นใหม่ ด้านตะวันออก ปัจจุบันคือที่ตั้ง กองบิน ๖

 

  พ.ศ.๒๔๖๙

ได้เปลี่ยนชื่อ “กองบินน้อยที่ ๑ ของกองบินใหญ่ที่ ๒” ประกอบด้วย ฝูงศึกษา ฝูงบินที่ ๑๑ และ ฝูงบินที่ ๑๒  

 

  พ.ศ.๒๔๗๑ 

ทำการบินในเวลากลางคืน โดยมี นายพันตรีหลวงเทวัญอำนวยเดช เป็นนักบิน
และ ร้อยโทเฉลิม มหาเดช เป็นผู้โดยสาร เมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๔๗๑
นับเป็นการบินกลางคืนเป็นครั้งแรกในประเทศไทย  

 

  พ.ศ.๒๔๗๔

ประเทศไทยอยู่ในภาวะสงครามมหาเอเชียบูรพา กองบินน้อยที่ ๒ ได้ออกปฏิบัติหน้าที่ ทางภาคเหนือเพิ่มขึ้นอีก  

 

พ.ศ.๒๔๗๕ - ๒๔๘๗ 

กองบินน้อยที่ ๒ อยู่ในระหว่างปฏิบัติราชการสนาม จึงไม่มีการสร้างอาคารสถานที่เพิ่มเติม  

 

พ.ศ.๒๔๗๖

มีคำสั่งทหารให้เปลี่ยนนามของเหล่าของกรมทหารอากาศ กองบินน้อยที่ ๑
ของ กองบินใหญ่ที่ ๒ จึงเปลี่ยนชื่อเป็น “กองบินน้อยที่ ๒” ประกอบด้วย ๓ ฝูงบิน คือ ฝูงบินที่ ๑ ฝูงบินที่ ๒ และ ฝูงบินที่ ๓

 

  พ.ศ.๒๔๘๐

กรมทหารอากาศ ยกฐานะเป็น กองทัพอากาศ มี พระเวชยันต์รังสฤษฎ์
(พล.อ.ท.มุนีมหาสันทนะเวชยันต์รังสฤษฎ์) เป็น ผู้บัญชาการทหารอากาศท่านแรก.(พ.ศ.๒๔๘๐ - ๒๔๘๔).
โดยมี กองบินน้อยที่ ๒ ขึ้นตรงต่อกองทัพอากาศ และจัดส่วนราชการเป็น ๓ ฝูงบิน

 

พ.ศ.๒๔๘๑

จอมพล ป.พิบูลสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พลเอก พระเวชยันต์รังสฤษฎ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้เล็งเห็นความจำเป็นในอนาคต
จึงได้สร้างสถานที่ทำการให้กับกองบินน้อยที่ ๒ แห่งใหม่ ณ ตำบลเขาพระงาม อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี
และได้สั่งให้ย้ายกองบินน้อยที่ ๒ จากดอนเมืองเข้าที่ตั้งใหม่ เสร็จเรียบร้อยในปลายปีเดียวกัน

๑๓ พฤศจิกายน ๒๔๘๓ 
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ตั้ง พลตรี หลวงพิบูลสงคราม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก เป็น ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและแม่ทัพบก
พลเรือตรี หลวงสินธุ์สงครามชัย ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นแม่ทัพเรือ นาวาอากาศเอก หลวงอธึกเทวเดช
รองผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็น แม่ทัพอากาศ เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ กรณีพิพาทอินโดจีน กองบินน้อยที่ ๒
ได้ส่งเครื่องบินและเจ้าหน้าที่ ออกไปปฏิบัติราชการ เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ ทางภาคตะวันออก และภาคเหนือของประเทศ

           พ.ศ.๒๔๘๙
ประเทศไทยประกาศยกเลิกสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตร การประกาศสงครามถือเป็นโมฆะ ในขณะนั้นเศรษฐกิจของประเทศกำลังตกต่ำ กองบินน้อยที่ ๒
ได้รับผลกระทบนี้ด้วย จึงย้ายข้าราชการบางส่วนไปบรรจุในกองบินลำเลียง (คือ กองบิน ๖ ในปัจจุบัน)

           หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๐ กองทัพอากาศ ได้รับเครื่องบิน C-47 ตามโครงการช่วยเหลือทหารจากประเทศสหรัฐอเมริกา
เป็นเครื่องบินลำเลียงอเนกประสงค์ที่มีจำนวนสร้างมากที่สุดในโลกและเป็นเครื่องบินที่มีอายุการใช้งานยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์การบิน กองทัพอากาศได้กำหนดแบบเป็น บ.ล.๒
และใช้งานต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน นับเป็นเครื่องบินที่ใช้งานมายาวนานที่สุดของกองทัพอากาศไทย
และได้เคยสร้างเกียรติประวัติให้กับกองทัพอากาศมาแล้วอย่างมากมาย โดยเข้าร่วมกับสหประชาชาติในสงครามเกาหลีและสงครามเวียตนาม

           บ.ล.๒ ยังใช้ปฏิบัติภารกิจตามโครงการพระราชดำริ สนับสนุนทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการทำฝนหลวง

           เคยประจำการในกองบินน้อยที่ ๒, โรงเรียนการบิน และกองบิน ๖ ประจำการในกองทัพอากาศ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๐ จนถึงปัจจุบัน
(ปัจจุบันได้มีการปรับปรุงเป็น บ.ล.๒ก (BT-67 Skytrain)

           บ.ล.๒ ที่ตั้งแสดงในพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ เป็น ซี-๔๗ เครื่องแรกที่กองทัพอากาศจัดถวายเป็นเครื่องบินพระที่นั่ง
เพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณ ในวโรกาสเสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติ พระราชกรณียกิจในทุกภูมิภาคของประเทศ

  พ.ศ.๒๔๙๒

กองบินน้อยที่ ๒ ได้รับเครื่องบินเพิ่มเติมขึ้นอีก ๒ ฝูง คือ บน.๒ ฝูง ๑ และ.บน.๒
ฝูงศึกษา เป็นเครื่องบินแบบ ฝ.๘ (AT-6)

 

  พ.ศ. ๒๔๙๓

กองบินน้อยที่ ๒ ได้สร้าง ที่ทำการฝ่ายการแพทย์ขึ้นอีก ๑ หลัง  

 

พ.ศ.๒๔๙๔

กองทัพอากาศได้อนุมัติให้ กองบินน้อยที่ ๒ สร้างทางวิ่งสาย ๑๖ - ๓๔.ขึ้นใหม่ โดย
ลงหินราดลูกรังบดทับแน่น กว้าง ๔๐ เมตร ยาว ๑,๒๐๐ เมตร

  

พ.ศ.๒๔๙๕

กองบินน้อยที่ ๒ ได้รับเครื่องบิน แบบ ข.๑๕ (F-8F) BREARCAT บรรจุเข้าประจำการในฝูง ๒๓ อีก ๑ ฝูง
ผู้บังคับบัญชาได้เล็งเห็นความจำเป็นในเรื่องสนามบินที่มารองรับกับเครื่องบินสมัยใหม่
จึงได้อนุมัติให้ กองบินน้อยที่ ๒ แก้ไขปรับปรุงทางวิ่งสาย ๑๖ - ๓๔  โดยสร้างให้เป็นทางวิ่งลงหินลาดยางแอสฟัลต์แทน
และได้สร้างกองร้อยทหารกับหอบังคับการบิน ขึ้น ๑ หลัง เพื่อใช้ราชการในการบังคับการบิน

 

พ.ศ.๒๔๙๖

กองบินน้อยที่ ๒ ได้สร้างโรงเรียนประชาบาล กองบินโคกกะเทียมขึ้น เพื่อให้บุตรหลานข้าราชการได้รับการศึกษาเล่าเรียนใกล้บ้าน ไม่ต้องเดินทางไกลไปโรงเรียนในตัวจังหวัด  

 

พ.ศ.๒๔๙๙

วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ กองบินยุทธการได้จัดให้มีการแข่งขัน การทิ้งระเบิด และการยิงจรวด (GUNNERY MEETING) และกำหนดให้กองบินน้อยที่ ๒ เป็นหน่วยบริการในการแข่งขัน กองบินน้อยที่ ๒
ได้ส่งเครื่องบินเข้าแข่งขันด้วย คือ บน.๒ ฝูง ๒๓ ผลการแข่งขันปรากฏว่า บน.๒ ฝูง ๒๓ ได้แต้มรวมชนะเลิศการแข่งขัน

 

พ.ศ.๒๕๐๕

กองทัพอากาศได้รับมอบเฮลิคอปเตอร์แบบ H-34C ตามโครงการช่วยเหลือจากประเทศสหรัฐอเมริกา จำนวน ๑๓ เครื่อง และเพิ่มอีกในปี พ.ศ.๒๕๐๖ - ๒๕๑๒ จำนวน ๕๒ เครื่อง
เป็น เฮลิคอปเตอร์ที่มีแผนแบบไว้สำหรับการลำเลียงสัมภาระและลำเลียงทางทหาร รวมทั้งการรักษาพยาบาลและส่งกลับ

กองทัพอากาศกำหนดแบบเป็น “เฮลิคอปเตอร์แบบที่ ๔ (ฮ.๔)” ใช้ในภารกิจการค้นหาและเหลือผู้ประสบภัย การสื่อสารการบินสนับสนุนข่ายโทรคมนาคมของกองทัพอากาศ
สนับสนุนการต่อต้านการก่อการร้าย ตลอดจนการสนับสนุนตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา เคยประจำการในฝูงบิน ๖๓ กองบินน้อยที่ ๖, ฝูงบิน ๓๑, ๓๒ กองบิน ๓
(พ.ศ.๒๕๑๐ กองทัพอากาศตั้งกองบิน ๓ ขึ้นใหม่และโอนเฮลิคอปเตอร์ทั้งหมดจาก ฝูง.๖๓ ให้ กองบิน ๓ และกองบิน ๒) 

พ.ศ.๒๕๐๖ 

ในวันที่ ๑๐ ธันวาคม กองบินน้อยที่ ๒ ได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นครั้งสุดท้ายว่า กองบิน ๒ และได้รับการบรรจุฝูงบินสนามขึ้นอีก ๓ ฝูงบิน คือ ฝูงบินผสม ๒๒๑ ฐานบินเชียงใหม่, ฝูงบินผสม ๒๒๒
ฐานบินอุบลฯ และ ฝูงบินผสม ๒๒๓ ฐานบินอุดรฯ ส่วนที่ตั้ง ณ กองบิน ๒ จังหวัดลพบุรี คือ ฝูงบินผสม ๒๒๔

ในปี พ.ศ.๒๕๐๗ และ พ.ศ.๒๕๐๙ กองทัพอากาศได้จัดถวายเป็นเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งปีละ ๑ เครื่อง และเฮลิคอปเตอร์แบบที่ ๔ ได้ถูกดัดแปลงมาเป็น เฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง

พ.ศ.๒๕๒๐

กองบิน ๒ ได้รับการบรรจุฝูงบิน ๓ ฝูงบิน คือ ฝูงบิน ๒๐๑, ฝูงบิน ๒๐๒ และ
ฝูงบิน ๒๐๓ และมีฝูงบินอิสระปฏิบัติราชการสนามชายแดนอีก ๒ ฝูงบิน คือ ฝูงบิน ๒๐๖ วัฒนานคร และฝูงบิน ๒๐๗ จังหวัดตราด 

ในปี พ.ศ.๒๕๒๐ กองทัพอากาศมีคำสั่งให้ยกฐานะ ฝูงบินผสม ๓ ฝูงบิน ที่ขึ้นตรงกับ กองบิน ๒ ขึ้นเป็นกองบินใหม่ คือ

           -  ฝูงบินผสม ๒๒๑ ฐานบินเชียงใหม่ เป็น กองบิน ๔๑ จังหวัดเชียงใหม่

           -  ฝูงบินผสม ๒๒๒ ฐานบินอุบลฯ เป็น กองบิน ๒๑ จังหวัดอุบลราชธานี

           -  ฝูงบินผสม ๒๒๓ ฐานบินอุดรฯ เป็น กองบิน ๒๓ จังหวัดอุดรธานี

                        โดยใช้อัตรากำลังพลฝูงบินจากกองบิน ๒ เป็นหลัก และได้ปรับอัตรากองบิน ๒ เป็น ๓ ฝูงบิน

ในปี พ.ศ.๒๕๒๐ กองทัพอากาศได้เปลี่ยนแปลงการจัดกองทัพอากาศอีกครั้งหนึ่ง
คือ การยกเลิก กองบินยุทธการ แล้วให้กองบินต่าง ๆ ซึ่งเคยอยู่ในบังคับบัญชาของกองบินยุทธการ มาเป็นส่วนราชการขึ้นตรงต่อกองทัพอากาศ
ตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการและกำหนดหน้าที่ส่วนราชการกองทัพอากาศ พ.ศ.๒๕๒๐ ให้ไว้ ณ วันที่ ๓ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๒๐
และฉบับที่ ๒ พ.ศ.๒๕๒๐ ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๒๐
การเปลี่ยนแปลงในครั้งนั้น เป็นผลให้ กองบิน ๓ ถูกยุบเลิกการปฏิบัติการ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๒๐
และโอนย้ายฝูงบิน ๓๒ มาเป็น ฝูงบิน ๒๐๓ กองบิน ๒ (โคกกะเทียม) จังหวัดลพบุรี จนถึงปัจจุบัน

พ.ศ.๒๕๓๓

กองทัพอากาศได้มีคำสั่งให้ กองบิน ๒ เป็นหน่วยขึ้นตรง กองพลบินที่ ๑

พ.ศ.๒๕๓๙

กองทัพอากาศได้ปรับปรุงโครงสร้างการจัดส่วนราชการ โดยจัดให้ กองบิน ๒ เป็นหน่วยขึ้นตรงกองพลบินที่ ๑ กองบัญชาการยุทธทางอากาศ

พ.ศ.๒๕๕๒

กองทัพอากาศได้ปรับปรุงโครงสร้างการจัดส่วนราชการ โดยปรับยุบ กองพลบินที่ ๑ กองบัญชาการยุทธทางอากาศ และจัดให้ กองบิน ๒ เป็นหน่วยขึ้นตรงกองทัพอากาศ

กองบิน ๒ นับเป็นฐานบินปฏิบัติการหลักและเป็นฐานบินขนาดใหญ่ของกองทัพ เป็นกองบิน
ที่มีภารกิจเกี่ยวกับการบินที่สำคัญของประเทศไทย ปัจจุบัน กองบิน ๒ ได้มีการปรับเปลี่ยนภารกิจการจัดและบรรจุอากาศยานเฉพาะแบบเฮลิคอปเตอร์เท่านั้น

           โดยกองบิน ๒ มีฝูงบินเฮลิคอปเตอร์ จำนวน ๓ ฝูงบิน ประกอบด้วยอากาศยานปีกหมุน จำนวน ๕ แบบ

           -  เฮลิคอปเตอร์แบบที่ ๖ ง (Bell412 EP)

           -  เฮลิคอปเตอร์แบบที่ ๑๐ (S-92A)

           -  เฮลิคอปเตอร์แบบที่ ๑๑ (H225M) หรือชื่อเดิม (EC725)

           -  เฮลิคอปเตอร์แบบที่ ๑๒ (S-70i)

           -  เฮลิคอปเตอร์แบบที่ ๑๓ (H135)

           อนึ่ง กองบิน ๒ ได้ถือเอาวันที่ ๑๖ ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสถาปนากองบิน ๒ โดยในวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๘ กองบิน ๒ จะมีอายุครบ ๑๐๖ ปี
มีผู้บังคับการกองบิน ๒ มาแล้ว จำนวนทั้งสิ้น ๕๖ ท่าน
โดยมี นาวาอากาศเอก อานนท์  สิริปริญญา เป็น ผู้บังคับการกองบิน ๒ คนปัจจุบัน